วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พลิกแฟ้มคดีดัง : แหกคุกฆ่า ผบ.เรือนจำ บันทึกโหด 6 นักโทษทมิฬ

โดย คม ชัด ลึก
วัน จันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551 14:05 น.
ป่าละเมาะริมถนนในหมู่บ้านเขาไม้แก้ว ห่างจากเรือนจำกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ไป 20 กิโลเมตร เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พบศพนายสมพงษ์ อ่วมน้อย ผู้บัญชาการเรือนจำกบินทร์บุรี หลังจากถูกผู้ต้องขัง 6 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรอดำเนินคดีอาญาจับเป็นตัวประกันในระหว่างแหกคุกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 นายสมพงษ์ถูกผู้ต้องขัง 6 คน แทงเข้าที่ชายโครงขวาทะลุซ้าย หลังจากหนีพ้นรั้วเรือนจำกบินทร์บุรีเพียงไม่กี่นาที ศพผู้บัญชาการเรือนจำถูกพบห่างจากรถบรรทุกที่นักโทษใช้เป็นพาหนะในการหลบหนีประมาณ 100 เมตร โดยรถจอดอยู่ในราวป่า ขณะที่ผู้ก่อเหตุหลบหนีเข้าป่าละเมาะข้างทางไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึงไม่นาน 6 ทรชน ได้แก่ 1.นายเด่น มีแก้ว ต้องคดีพยายามฆ่า 2.นายไหล แม่นหมาย ต้องคดีข่มขืนฆ่า 3.นายเกลี้ยง สุวรรณวงค์ ต้องคดีลักทรัพย์ 4.นายประจวบ ไพรจันทึก 5.นายสายฝน ละนิโส และ 6.นายอดิเรก ต๊ะวงศ์ ต้องคดีปล้นทรัพย์ ทั้งหมดอยู่ระหว่างรอการดำเนินคดีในชั้นศาล หลังเกิดเหตุตำรวจและเจ้าหน้าที่เรือนจำสนธิกำลังกันกว่า 300 นาย ปิดล้อมป่าละเมาะในพื้นที่หมู่บ้านเขาไม้แก้วเต็มพื้นที่ กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนพลบค่ำจึงสามารถจับกุมนายเกลี้ยงและนายประจวบไว้ได้ ส่วนอีก 4 คน คาดว่าจะหลบหนีข้ามแดนไปกัมพูชา ตำรวจภูธรภาค 2 ประสานกับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ปูพรมตรวจค้นป่าเขาไม้แก้วควานหาตัวผู้ต้องขังที่เหลือ พบเบาะแสนักโทษกลุ่มนี้ออกจากป่าขอข้าวชาวบ้านกินเป็นระยะ และไหวตัวหลบหนีไปได้ทัน ก่อนตำรวจจะบุกเข้าถึงตัวทุกครั้ง กระทั่งบ่ายวันที่ 6 มีนาคม 3 วันหลังการไล่ล่า นางแสงวรรณ ต๊ะวงศ์ มารดาของนายอดิเรก ได้ประสานให้ตำรวจเดินทางไปรับตัวนายอดิเรกที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.วังน้ำเย็น หลังถูกจับกุม นายอดิเรกระบุว่า เพื่อนๆ ที่เหลืออาจจะหลบหนีข้ามพรมแดนไปฝั่งกัมพูชาแล้ว เพราะหลังจากแยกย้ายกัน นายเด่นเปรยว่าจะหนีข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยมั่นใจว่าตำรวจไทยจะไม่สามารถจับกุมได้ หากไปกบดานอยู่ในฝั่งเขมร หลังทราบข้อมูล พ.ต.อ.เสกสรรค์ อุ่นสำราญ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เดินทางข้ามไปฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้าพบ พล.ต.ซก เพียบ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกัมพูชา ขอความช่วยเหลือในการไล่ล่าผู้ต้องขังกลุ่มนี้ โดย พล.ต.ซก เพียบ รับปากจะให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งสั่งการให้ทหารและตำรวจทุกหน่วยของกัมพูชาช่วยเหลือตำรวจไทย ในการควานหาตัวผู้ต้องขังแหกคุกกลุ่มนี้ หากจับเป็นไม่ได้ก็ให้จับตายได้ทันที นายอดิเรกบอกชุดสอบสวนด้วยว่า หัวโจกวางแผนแหกคุกกบินทร์บุรีคือนายเด่น มีการเตรียมการก่อเหตุยาวนานถึง 4 เดือน !?! "นายเด่นทราบข่าวจากญาติว่าภรรยากำลังจะมีสามีใหม่ พร้อมกันนั้นยังโกรธแค้นผู้คุมที่ยักยอกเงินที่ญาตินำไปฝากไว้ให้ แถมยังต้องการหนีหนี้พนันไฮโลในเรือนจำด้วย จึงได้หารือกัน โดยดูลาดเลาอยู่นาน กระทั่งสบโอกาส ขณะผู้บัญชาการสมพงษ์เข้าไปตรวจความเรียบร้อยภายในเรือนจำ จับไว้เป็นตัวประกัน โดยใช้เหล็กแหลมจี้ที่ลำคอบังคับให้ผู้คุมเปิดทางหนีให้" นายอดิเรกสารภาพ ผู้ต้องขังรายนี้ บอกด้วยว่า ระหว่างอยู่บนรถบรรทุกที่ปล้นมาจากเรือนจำ นายสมพงษ์ต่อสู้ขัดขืนและพยายามหลบหนี นายเกลี้ยงซึ่งนั่งประกบอยู่เกิดโทสะใช้เหล็กแหลมแทงเข้าที่ร่างนายสมพงษ์จนแน่นิ่ง จากนั้นจึงรื้อค้นเอาทรัพย์สินแล้วโยนร่างไร้วิญญาณของผู้บัญชาการสมพงษ์ลงจากรถตรงจุดที่พบศพในเวลาต่อมานั่นเอง ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน 13 มีนาคม ปีเดียวกัน นายกฤษฎา สังข์ศร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ได้ประสานขอนำตัวนายสายฝนเข้ามอบตัวเพิ่มเติม ตำรวจคุมตัวนายสายฝนมาพบกับนายอดิเรก ทันทีที่ทั้งสองพบหน้ากัน ได้ตรงสวมกอดกันแน่น พร้อมกับฝากไปถึงเพื่อนอีก 2 คน ที่ยังหลบหนีให้เข้ามอบตัว "ผมไม่ได้คิดจะแหกคุก และไม่ได้ร่วมวางแผนกับใคร ทราบเพียงคร่าวๆ ว่านายเด่นนัดหมายให้นักโทษด้วยกันเตรียมตัว กระทั่งวันเกิดเหตุ ระหว่างที่นายเด่นลงมือจี้ผู้บัญชาการสมพงษ์ นายอดิเรกซึ่งเป็นเพื่อนรักกันตะโกนเรียกให้ขึ้นรถบรรทุกหลบหนีไปด้วยกัน จึงรีบกระโดดขึ้นรถบรรทุกไปด้วย" นายสายฝนอ้าง หลังได้ตัวนายสายฝน ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องขังทั้ง 4 คน ไว้ในเรือนจำกบินทร์บุรี และแยกขังเดี่ยวทั้งหมด กระทั่งต่อมาสามารถติดตามจับกุมนายเด่นได้ เหลือเพียงนายไหลที่ยังคงหลบหนีอยู่ ระหว่างการถูกแยกขังเดี่ยว นายเกลี้ยงเสียชีวิตปริศนา พบผูกคอด้วยผ้าขาวม้าติดกับลูกกรงเหล็ก เจ้าหน้าที่เรือนจำอ้างว่านายเกลี้ยงผูกคอตายเอง แต่จากการตรวจสภาพศพ กลับพบว่า ตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำหลายแห่ง ลักษณะบาดแผลคล้ายถูกทำร้ายอย่างรุนแรงก่อนจะเสียชีวิต หลังการเสียชีวิตมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในกลุ่มตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่ว่า นายเกลี้ยงอาจถูกฆ่าล้างแค้น เพราะจากการสอบสวนทราบว่า นายเกลี้ยงเป็นผู้ลงมือสังหารนายสมพงษ์ "บาดแผลที่พบตามร่างกาย เชื่อว่าเขาน่าจะถูกบุคคลอื่นทำร้ายก่อน แล้วนำร่างไปผูกไว้กับลูกกรงเหล็กอำพรางคดี แต่เราไม่มีพยานหลักฐานอื่นเพียงพอที่จะระบุได้ว่าเขาถูกคนอื่นทำร้ายจนเสียชีวิต" นายตำรวจผู้เกี่ยวข้องกับคดีรายหนึ่งเปิดเผย ขณะที่ พ.ต.ท.รังสรรค์ สุขเอี่ยม สว.สส.สภ.อ.กบินทร์บุรี (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ระบุว่า จากการชันสูตรพลิกศพโดยแพทย์ รพ.กบินทร์บุรี พบรอยจ้ำๆ ตามร่างกายเต็มไปหมด รวมทั้งรอยเขียวช้ำลักษณะเหมือนถูกทำร้ายก่อนตาย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหูมากขึ้น นายวัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ต่อมานายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า นายเกลี้ยงฆ่าตัวตายเอง จากการตรวจพิสูจน์ศพพบเส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก ส่วนแผลที่ขาเกิดจากโซ่ตรวน และไม่เฉพาะนายเกลี้ยงที่ก่อเหตุฆ่าตัวตาย นายประจวบผู้ต้องขังอีกคนก็มีความพยายามฆ่าตัวตายเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่พบเห็นเสียก่อนจึงช่วยเหลือไว้ได้ "เขาถูกขังเดี่ยว ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับใคร จนเกิดอาการเครียด จึงใช้เสื้อเก่าๆ มาผูกกันยาวประมาณ 2 เมตร ผูกคอตาย ไม่ใช่ใช้ผ้าขาวม้าอย่างที่เป็นข่าว" นายสวัสดิ์ชี้แจงต่อสื่อมวลชน หลังใช้เวลาสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนาน 3 เดือนเศษ พนักงานได้สรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาล ฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กระทั่งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2541 ศาลกบินทร์บุรีพิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้งหมด ส่วนนายไหลที่ยังคงเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ต้องติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป ----------------- ล้อมกรอบ หลังเกิดเหตุนักโทษแหกคุกเรือนจำกบินทร์บุรี กรมราชทัณฑ์ได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมดูแลนักโทษในเรือนจำต่างๆ โดยเฉพาะภายในเรือนจำกบินทร์บุรี มีการเพิ่มความแข็งแรงของประตูทางเข้าออกต่างๆ รวมทั้งห้ามรถยนต์ทุกประเภทเข้าไปภายในเรือนจำอย่างเด็ดขาด น.ส.บุษบา เกษอุดม ผู้บัญชาการเรือนจำกบินทร์บุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำทุกคนปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเคร่งครัดตามกฎระเบียบที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา มีการห้ามรถยนต์ทุกประเภทเข้าไปในเรือนจำ เพื่อป้องกันเหตุนักโทษจี้ชิงรถยนต์หลบหนีไปได้อีก นอกจากนี้ยังมีการเสริมความมั่นคงของสถานที่คุมขังอย่างดี พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่ใกล้ชิดนักโทษ ระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ รวมทั้งใช้หลักจิตวิทยาในการควบคุมดูแลให้นักโทษอยู่ในระเบียบ ให้ความรู้ อาหาร การศึกษา และสวัสดิการตามสิทธิที่เขาพึงได้รับอย่างเต็มที่ "ปัจจุบันเรือนจำกบินทร์บุรีมีนักโทษคุมขังอยู่ทั้งสิ้น 330 คน มีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล 31 คน การควบคุมดูแลเป็นไปตามกฎระเบียบที่กรมราชทัณฑ์กำหนด และนักโทษอยู่กันเป็นระเบียบเรียบร้อยดี" น.ส.บุษบา กล่าว

Tag (ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง): กบินทร์บุรี แหกคุก กัมพูชา เรือนจำ
รวมเรื่องฮอต : คลิปเด็ด ภาพเด็ด ซุบซิบดารา กระทู้ฮอต ข่าวเด่น วาไรตี้ เกมส์-ไอที ข่าวกีฬา คลิกที่นี่

2 ความคิดเห็น:

  1. ลองถามใจแกดู ว่าต้องการเราหรือปล่าวstarvegas

    ตอบลบ
  2. หากหุ่นเป็นหมู ให้หนูช่วยพี่นะ gclub

    ตอบลบ